สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามความก้าวหน้า โครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นฯ จังหวัดอ่างทอง

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2555 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอ่างทอง ทรงประกอบพิธีเปิดอุทยานสวรรค์ 115 ปี อ่างทองหนองเจ็ดเส้นเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และพระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้บริหารมูลนิธิชัยพัฒนา และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแหล่งน้ำมูลนิธิฯ เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ

โครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นฯ  ถือกำเนิดขึ้นจากการที่ราษฏรในเขตพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ต้องประสบกับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เป็นประจำทุกปีเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ต่อมาจังหวัดอ่างทองจึงได้ร่วมกับราษฎร ประสานมายังมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อเสนอโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นฯ โดยการขุดลอกแหล่งเก็บกักน้ำหรือแก้มลิง บนเนื้อที่กว่า 320 ไร่ ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จ  พระเจ้าอยู่หัว  ต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชกระแสให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการช่วยเหลือตามที่จังหวัดร้องขอ พร้อมทั้งพระราชทานพระราชกระแสเพิ่มเติมให้ดำเนินการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุมัติให้ดำเนินโครงการฯ ตั้งปี 2550

โครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นฯ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกถนนพหลโยธิน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสายทอง อำเภอปาโมก และตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 320 ไร่ ประกอบด้วยสระน้ำจำนวน 2 สระ พื้นที่ 99 และ 163 ไร่ ตามลำดับ สามารถรองรับน้ำได้ 1,567,200 ลูกบาศก์เมตร และนอกจากจะช่วยกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนแล้ว ในช่วงฤดูแล้งโครงการแห่งนี้ยังทำหน้าที่ส่งน้ำให้แก่เกษตรกรรอบบริเวณโครงการฯ ให้สามารถสูบน้ำจากสระน้ำของโครงการฯ ไปใช้ในการเกษตรได้ นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้พระราชทานพระราชานุมัติงบประมาณจากมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อให้จังหวัดอ่างทองดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณโดยรอบแก้มลิงหนองเจ็ดเส้นฯ ซึ่งจังหวัดได้นำพื้นที่มาพัฒนาเป็นบ้านพักของราษฎรที่ด้อยโอกาสไม่มีที่ดินทำกิน จำนวน 9 หลัง พร้อมทั้งจัดสรรพื้นที่ทำการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ครอบครัวละ 2 ไร่ โดยมีหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยให้คำปรึกษาและให้ความรู้ทางวิชาการเกษตร