- หน้าแรก
- ข่าว
- ข่าวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามความความก้าวหน้าการดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนา ในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามความความก้าวหน้าการดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนา ในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนาในจังหวัดกระบี่และจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนี้
เวลาประมาณ 10.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยัง โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก จังหวัดกระบี่ ในการนี้ทรงพระราชทานเหรียญแก่ผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมทั้งทอดพระเนตรนิทรรศการและโรงงานสกัดน้ำมันตามลำดับ
ปี 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชกระแสให้มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ จัดสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้นแบบให้กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่สวนปาล์มของเกษตรกร ต่อมาปี 2529 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสหกรณ์นิคมอ่าวลึก ได้จัดสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กขึ้น ในพื้นที่อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และในปี 2543 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชกระแสเพิ่มเติมให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินการวิจัยการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบ ด้วยทรงเล็งเห็นและคาดการณ์ว่าน้ำมันจะมีราคาสูงมากขึ้นในอนาคตและประเทศไทยจำเป็นต้องมีพลังงานทดแทนเพื่อความยั่งยืนทางด้านพลังงาน ต่อมาในปี 2543 มูลนิธิชัยพัฒนาได้ให้การสนับสนุนงบประมาณจัดสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงระบบการสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของการดำเนินงานของสหกรณ์นิคมอ่าวลึก กรมส่งเสริมสหกรณ์ และจังหวัดกระบี่ ได้ร่วมกันสนับสนุนงบประมาณในการจัดสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลและปรับปรุงระบบการผลิต จนสามารถนำของเหลือใช้จากการสกัดน้ำมันปาล์ม ได้แก่ กาก เส้นใย และเมล็ดปาล์ม ออกจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุนเชื้อเพลิง พร้อมทั้งปรับปรุงระบบการผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3 ตันทะลายปาล์มต่อชั่วโมง
จากนั้นเสด็จฯ พระราชดำเนินไปยังโรงสีพระราชทานบ้านปากน้ำ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก ทำการปลูกข้าวเพื่อการบริโภคแบบครบวงจร ปัจจุบันสหกรณ์นิคมปากน้ำ จำกัด มีสมาชีกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 35 ราย แบ่งเป็นชาย 21 ราย และหญิง 14 ราย มีพื้นที่ปลูกข้าว รวมจำนวน 134 ไร่
จากนั้น เวลา 14.00 น. เสด็จฯ ถึง โครงการศึกษา วิจัย การปลูกและใช้ประโยชน์ไม้เสม็ดแบบครบวงจร จังหวัดนครศรีธรรมราช ทรงรับฟังบรรยายสรุปงานระบบนิเวศน์ป้องกันไฟป่าและการใช้ประโยชน์จากป่าเสม็ด พร้อมทั้งรับฟังบรรยายสรุปการสร้างคันกั้นน้ำและการก่อสร้างโรงงาน อาคารสำนักงาน ก่อนที่จะเสด็จทอดพระเนตรพื้นที่โครงการและทรงปล่อยพันธุ์ปลาและทรงปลูกต้นไม้ตามลำดับ
ปี 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่าง บ้านรอตันบาตู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส และทรงมีพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับกรมป่าไม้ ดำเนินการจัดทำโครงการศึกษา ทดลอง วิจัยการปลูกไม้เสม็ดแบบครบวงจร ณ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อหาความเป็นไปได้ในการปลูกเสม็ดและการใช้ประโยชน์จากต้นเสม็ดแบบครบวงจร
ต่อมาวันที่ 18 สิงหาคม 2555 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งขึ้น สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าสำรวจพื้นที่และประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และกรมชลประทาน เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยกำหนดแนวทางคือ
สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินงานร่วมกับกรมป่าไม้กำหนดแนวทางการป้องกันปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุ ในเบื้องต้นได้ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ในการดับไฟป่า ได้แก่ เครื่องสูบน้ำขนาดเล็ก อุปกรณ์ดับไฟป่า และน้ำมันเชื้อเพลิง ในการดำเนินงานร่วมกับกรมชลประทาน ได้จัดสร้างคันกั้นน้ำพร้อมอาคารประกอบ รอบพื้นที่โครงการฯ เพื่อรักษาระดับน้ำสำหรับป้องกันไฟป่าในระยะยาว และสามารถสูบน้ำเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินนอกพื้นที่โครงการฯ การดำเนินร่วมกับกรมป่าไม้ ได้ดำเนินการศึกษา วิจัย การใช้ประโยชน์ไม้เสม็ด และส่งเสริมให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่า และส่งเสริมอาชีพในพื้นที่โครงการฯ เช่น การเลี้ยงผึ้ง การเลี้ยงปลาดุกรำพัน
ทั้งนี้ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ได้จัดสร้างอาคารสำนักงานและโรงงานแปรรูปไม้เสม็ด พร้อมทั้งฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมและเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุ พร้อมทั้งมีแผนก่อสร้างโรงงานเพื่อแปรรูปไม้เสม็ด