- หน้าแรก
- ข่าว
- ข่าวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรความก้าวหน้าการดำเนินงาน ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรความก้าวหน้าการดำเนินงาน ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2557
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรความก้าวหน้าการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี
ในปีพุทธศักราช 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา ก่อตั้งศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดเชียงราย ขึ้นเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านสำหรับพระราชทานราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 ได้ทรงมีกระแสรับสั่งกับนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการผลิตพันธุ์พืชไร่ เพื่อพระราชทานราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา จึงได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี ขึ้นบนที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่
ในเดือนสิงหาคม 2554 ได้ปรับพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ เพื่อปลูกถั่วเขียวผิวมัน พันธุ์กำแพงแสน 2 และพันธุ์ชัยนาท ในปีต่อมา ได้เริ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว มะละกอ ฟักทอง และผักพื้นบ้าน อาทิ บวบ ฟักแฟง น้ำเต้า พริก กระเจี๊ยบเขียว มะเขือ แคบ้านดอกขาว และทดสอบความเสถียรของเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเทียนหวานอีกด้วย
ในปี 2555 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี ผลิตพันธุ์ข้าวพระราชทานสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ โดยได้พระราชทานพระราชานุมัติให้ชาวบ้านชุมชน ตำบลพุคา และตำบลหนองทรายขาว อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เข้าร่วมผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน ในโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์พระราชทาน ‘เพื่อนช่วยเพื่อน’ ของมูลนิธิชัยพัฒนา
มูลนิธิชัยพัฒนา ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทำงานวิจัยดังนี้
ร่วมกับภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวบรวมพันธุ์ ประเมินพันธุ์ พัฒนาพันธุ์ คัดเลือกพันธุ์ ณ ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ภายใต้โครงการวิจัยที่ชื่อว่า การปรับปรุงพันธุ์ฟักทองเพื่อสารอาหารสูง ทดสอบพันธุ์และผลิตเมล็ดพันธุ์ ณ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
ได้รวบรวมพันธุ์ฟักทองจำนวน 98 สายพันธุ์ ได้พัฒนาและทดสอบพันธุ์ ที่มีลักษณะที่ดี มีความสม่ำเสมอพันธุ์ที่นำมาทดสอบ ณ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ พบว่าฟักทองที่สามารถปรับตัวได้ดีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือสายพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกมาจากฟักทองพื้นเมืองจังหวัดศรีษะเกษ เป็นฟักทองทรงผลแป้น ที่มีเนื้อสีเหลืองส้ม ผิวเรียบ เมื่อถึงระยะเก็บเกี่ยวจะมีผิวเปลือกสีส้มแดง มีน้ำหนัก 1.2 – 1.8 กิโลกรัม ส่วนฟักทองที่สามารถให้ผลผลิตได้ในช่วงฤดูร้อน สภาพอากาศมีอุณหภูมิสูง ในช่วงการออกดอกเดือนเมษายน คือสายพันธุ์ที่คัดเลือกมาจากพันธุ์พื้นเมืองของ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เป็นฟักทองที่มีพูเป็นร่องอย่างชัดเจน เนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม ผิวเมื่อระยะเก็บเกี่ยวเป็นสีส้มแดง ขนาดผล 1.4-2 กิโลกรัม ซึ่งทั้งสองพันธุ์อยู่ระหว่างขั้นตอนการขึ้นทะเบียนพันธุ์ใหม่กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โครงการพัฒนาพันธุ์และผลิตเมล็ดพันธุ์มะละกอ เป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์พัฒนาพันธุ์พืช จักรพันธ์เพ็ญศิริ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2555 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ พัฒนาพันธุ์ และผลิตเมล็ดพันธุ์มะละกอพันธุ์ดี สำหรับใช้เป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานแก่เกษตรกรและราษฎรใช้ในครัวเรือนและช่วยฟื้นฟูพื้นที่หลังเกิดภัยพิบัติต่างๆ ปัจจุบันได้รวบรวมพันธุ์ได้ 58 สายพันธุ์ มีทั้งพันธุ์บริโภคสุก แปรรูป และทำส้มตำ ทั้งเนื้อแดงและเนื้อเหลือง ปัจจุบันสามารถคัดพันธุ์ดี รสชาติหวานอร่อย ได้ 2 สายพันธุ์ ขณะนี้ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม กำลังประเมินและคัดพันธุ์ รอบที่ 3 เพื่อให้พันธุ์มีความสม่ำเสมอยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะขึ้นทะเบียนพันธุ์และเผยแพร่พันธุ์ได้ในปี 2558
ระหว่างปี 2555-2557 ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี ผลิตเมล็ดพันธุ์มะละกอได้ 50 กิโลกรัม หรือประมาณ 2,500,000 เมล็ด ซึ่งสามารถนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกร (50 เมล็ด/ครัวเรือน) ได้ 50,000 ครัวเรือน โดยมีการทดสอบการงอกเพื่อควบคุมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์อย่างต่อเนื่อง
มูลนิธิชัยพัฒนายังได้ร่วมกับคณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทดสอบพันธุ์สายพันธุ์ถั่วเขียวทนน้ำ เป็นการปรับปรุงพันธุ์ถั่วเขียวเพื่อทำถั่วงอก เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เริ่มจากการผสมพันธุ์และคัดเลือกพันธุ์วิธีแบบเมล็ดต่อต้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนกระทั่งได้สายพันธุ์แท้จำนวนหลากหลายพันธุกรรม จึงนำมาทดสอบผลผลิต เพื่อคัดหาสายพันธุ์ที่เหมาะในการทำถั่วงอก ทนทานต่อสภาวะโลกร้อนและน้ำท่วมขัง โดยทำการปลูกทดสอบที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี และที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ใน 3 ฤดู พบว่า ได้ถั่วเขียวที่มีผลผลิตสูง 180 – 220 กิโลกรัมต่อไร่ มีลักษณะเด่น คือขนาดเมล็ดโต ทนน้ำท่วมขังได้ 5 – 8 วัน มีอายุวันออกดอกสั้น มีอายุในการเก็บเกี่ยว 65 – 70 วัน ทนแล้งปานกลาง จึงเหมาะสำหรับปลูกในต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน แต่ถ้าปลูกในที่หนาวเย็นจะทำให้ต้นเตี้ย ข้อสั้น ไม่แตกกิ่ง ผลผลิตลดลง
นอกจากนี้ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยังได้ร่วมกันศึกษาประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์ต่อการ ปลดปล่อยธาตุอาหาร และเพิ่มสมดุลความอุดมสมบูรณ์ของดิน ในพื้นที่โครงการพัฒนาที่ดินส่วนพระองค์บ้านวังรี จังหวัดนครนายก พบกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจน กลุ่มจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายฟอสเฟต และกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความสามารถย่อยเซลลูโลส เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบปริมาณเชื้อราไมคอร์ไรซ่าอยู่ในปริมาณที่สูง ซึ่งเชื้อราไมคอร์ไรซ่านั้นถือว่ามีประโยชน์ในการนำมาใช้ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและสามารถทำให้พืชดูดใช้ธาตุอาหารที่จำเป็นได้หลายชนิด อาทิเช่น ฟอสฟอรัส ขณะนี้ กำลังคัดเลือกจุลินทรีย์ในแต่ละกลุ่มที่มีประสิทธิภาพมาเพิ่มปริมาณในรูปหัวเชื้อชนิดผง และนำกลับไปใช้ในการผลิตผักอินทรีย์ในพื้นที่
ส่วนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินในศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี ได้มีการวิเคราะห์หาปริมาณธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งโดยภาพรวมยังถือว่าดินมีค่าความเป็นกรดด่างในระดับกลางถึงด่างอ่อน มี ปริมาณอินทรีย์วัตถุค่อนข้างต่ำ ส่วนธาตุฟอสฟอรัสและกลุ่มจุลธาตุ เช่น เหล็ก แมงกานีส และสังกะสี อยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช และได้คัดแยกจุลินทรีย์กลุ่มไรโซเบียมที่ได้จากถั่วเขียวแต่ละสายพันธุ์ในพื้นที่ของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสระบุรี มาเพิ่มปริมาณและคัดเลือกเชื้อไรโซเบียมดังกล่าวให้เหมาะสมต่อสายพันธุ์ของถั่วเขียว และนำมาผลิตเป็นหัวเชื้อไรโซเบียมเพื่อใช้กับการผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวในฤดูกาลถัดไป ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลง
มูลนิธิชัยพัฒนา ได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชอาหารที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพในชีวิตประจำวันที่มีคุณภาพดีรวบรวมและสะสมเพื่อให้เกษตรกรมีพันธุ์พืชที่ดี แม้ไม่ใช่พันธุ์ที่ดีที่สุดในเชิงเศรษฐกิจ แต่จะเป็นพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพเพียงพอ ที่สามารถสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพให้กับครัวเรือน สร้างความแข็งแรงมั่นคงให้เกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ดังพระราชดำรัสที่รับสั่ง ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2552 ความว่า
“ปัจจัยสำคัญของการเกษตร นอกจากจะเป็นเรื่องน้ำและดินแล้ว การมีพันธุ์พืชที่ดีให้เกษตรกรปลูก เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่ทำเองจัดเองทำให้เราได้ศึกษาวิธีการว่า พันธุ์ต่างๆนอกจากจะทำให้มีปริมาณมากขึ้นแล้ว คุณภาพที่จะเหมาะสมในแต่ละแห่งจะทำอย่างไร เพราะถ้าเราทำเองจะทราบว่าตรงไหนต้องทำอย่างไร เป็นความรู้ของพวกเราทุกคนด้วย”