- หน้าแรก
- ข่าว
- ข่าวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ ” ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ ” ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2559 เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์” ครั้งที่ 2 โดยมูลนิธิชัยพัฒนา และ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ณ ควอเทียร์ แกลเลอรี่ ชั้น M ตึก B ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ
ในการนี้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กราบบังคมทูลฯ วัตถุประสงค์การจัดงานเทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ ครั้งที่ 2 การจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2558 ซึ่งได้จัดงานเทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ ขึ้นเป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยวัดจากเสียงตอบรับและความสนใจจากประชาชน สถาบันการศึกษา ฯลฯ ที่เข้าร่วมงาน จากนั้น นางลักขณา นะวิโรจน์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กราบบังคมทูลฯ ความร่วมมือการจัดงานระหว่างมูลนิธิ ชัยพัฒนา และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ว่า “บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ได้ทราบถึงแนวพระราชดำริ และความเป็นมาของน้ำมันเมล็ดชา จึงพร้อมสนับสนุน และเผยแพร่คุณประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชาให้เป็นที่รู้จักแก่สาธารณชน โดยได้นำผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ วางจำหน่ายที่กูรเมต์ มาร์เก็ต และโฮม เฟรช มาร์ท ในทุกสาขา อีกทั้งได้นำผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ มาเป็นส่วนประกอบในการทำซุปของกรูเมต์ มาร์เก็ตอีกด้วย” ในการนี้ นางภากมล รัตตเสรี ผู้ช่วยเหรัญญิกสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา เบิกผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินสมทบมูลนิธิชัยพัฒนาและเบิกผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ
จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานเรื่องเล่า “น้ำมันเมล็ดชา”แก่ผู้ร่วมงาน และทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์” ครั้งที่ 2 พร้อมทั้งทอดพระเนตรนิทรรศการ “น้ำมันเมล็ดชา” ซึ่งเป็นหนึ่งในพระราชดำริ ที่พระราชทานให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา นำเมล็ดพันธุ์ต้นชาน้ำมันจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาศึกษาและทดลองปลูกในประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และกระตุ้นให้คนไทยใส่ใจในสุขภาพ เหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าและรักษาระบบนิเวศป่าไม้ในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย ในการนี้ได้ทอดพระเนตรร้านพันธมิตรที่เข้าร่วมงานฯ อาทิ กรูเมต์ มาร์เก็ต, การบินไทย, ธรรมชาติซีฟู้ดส์, ไทยยามาซากิ, Gourmet One และ Coffee Bean By Dao เป็นต้น
โอกาสนี้ ทรงปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันเมล็ดชาเป็นส่วนประกอบ ประกอบด้วยเมนูพระราชทาน 2 รายการ คือ “ไก่นาบกระทะ” และ “ไข่พระอาทิตย์” โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมี ลายพระหัตถ์บันทึกถึงไข่พระอาทิตย์ในหนังสือว่า “เมื่อข้าพเจ้ายังเด็ก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยทรงประกอบอาหารพระราชทานเรียกว่า ไข่พระอาทิตย์ มีผู้ถามว่าทำไมเรียกว่าไข่พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าทูลถาม ทรงเล่าว่าเมื่อส่องกล้องแล้ว พื้นผิวดวงอาทิตย์มีลายเหมือนเมล็ดข้าว ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า grain de riz” และเป็นสูตรอาหารที่พระราชโอรสและพระราชธิดาต้องทำเป็นทุกพระองค์
ประวัติของน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์ นั้น เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการศึกษาและทดลองปลูกต้นชาน้ำมันสายพันธุ์ Camellia oleifera จากสาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้นมีพระราชดำริให้จัดตั้ง ศูนย์วิจัย และพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน เพื่อเป็นโรงงานผลิตน้ำมันจากเมล็ดชาและพืชน้ำมันชนิดอื่นๆ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะผลิตน้ำมันคุณภาพสูงสำหรับการบริโภคและนำไปเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ เช่น เครื่องสำอาง เป็นต้นการศึกษาและทดลองปลูกต้นชาน้ำมัน ได้เริ่มดำเนินการในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นแห่งแรก ก่อนที่จะขยายไปในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกจำนวน 3,650 ไร่ คิดเป็นต้นชาน้ำมัน 952,008 ต้น (ข้อมูลเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ) ถือเป็นการฟื้นฟูสภาพป่า เสื่อมโทรมและเป็นการทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลาย ขณะเดียวกันสามารถสร้างรายได้ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณประโยชน์ของการดูแลรักษาป่า และสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเข้าใจและพึ่งพิงกัน ซึ่งเป็นไปตามพระราชดำริ “คนอยู่ร่วมกับป่า” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันจะนำไปสู่วิถีแห่งความสุข ความสมดุล และความยั่งยืนในที่สุด ในส่วนของน้ำมันเมล็ดชานั้น เป็นที่รู้จักในประเทศจีนนานกว่า 1,000 ปี มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่า น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก เนื่องจากมีองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกายไม่ด้อยไปกว่าน้ำมันมะกอก และไม่มีกรดไขมันทรานส์ ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ น้ำมันเมล็ดชาประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน อัมพาต ความดันโลหิต เบาหวาน และโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสารคาเทชินซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น อีกทั้งน้ำมันเมล็ดชามีจุดเกิดควันที่สูงมากกว่า 250 องศาเซลเซียส จึงทำให้สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทอด ผัด หมักหรือใช้เป็นส่วนผสมของน้ำสลัด น้ำมันเมล็ดชาถือเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ ปัจจุบันน้ำมันเมล็ดชา ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก G.M.P. (Good Manufacturer Practice) ทะเบียนอาหาร อย. อาหารรักษ์หัวใจ อาหารฮาลาล เป็นต้น