โครงการ “ข้าวสร้างสุข”
สร้างสุขให้เกษตรและผู้บริโภคไทย ด้วยข้าวปลอดภัยจากสารพิษ
ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนาและบิ๊กซี
มูลนิธิชัยพัฒนาลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบิ๊กซี เปิดตัวโครงการ “ข้าวสร้างสุข” เพื่อบรรเทาทุกข์เกษตรกรจากภัยน้ำท่วมเพื่อดำรงชีพอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือ และให้ความรู้ในการปลูกข้าวปลอดภัยจากสารพิษแบบยั่งยืน ให้เกษตรกรไทยและคนไทยได้บริโภคข้าวที่ปลอดภัยจากสารพิษได้ประโยชน์ทั้งต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม
วันที่ 15 ธันวาคม 2553 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายอีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ให้ความร่วมมือกันในโครงการ “ข้าวสร้างสุข” โดยข้อตกลงจะให้การสนับสนุนมูลค่า 5 ล้านบาท ในด้านการช่วยเหลือด้านเมล็ดพันธุ์ และการสร้างไซโล เพื่อเก็บรักษาข้าวทั้งส่วนที่จะนำไปทำเป็นเมล็ดพันธุ์และที่จะนำไปแปรรูปเพื่อบรรจุถุงจำหน่ายในขั้นต่อไป
โครงการ “ข้าวสร้างสุข” เป็นโครงการที่จะเน้นการผลิตข้าวปลอดภัยจากสารพิษ ที่เริ่มต้นตั้งแต่การผลิตพันธุ์ข้าวที่สมบูรณ์ปลอดภัยจากสารพิษ โดยมูลนิธิชัยพัฒนาจะคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม ส่วนการปลูกข้าวก็จะมีการให้ความรู้กับเกษตรกรตั้งแต่การเตรียมดินและดำเนินการปลูก จนถึงการใส่ปุ๋ยและเก็บเกี่ยวที่ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกปลอดภัยจากสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งนี้จะมีการดูแลในทุกขั้นตอนโดยร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าว เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการดำเนินการอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน ซึ่งนอกจากตัวเกษตรกรผู้ปลูกแล้ว ก็ยังส่งผลดีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่การเกษตร จนถึงผู้บริโภคเอง ก็จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารพิษ ไม่มีสิ่งตกค้างอันจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้การพัฒนาข้าวในโครงการ “ข้าวสร้างสุข” นี้ จะสร้างสุขให้กับทั้งเกษตรกร ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง ทั้งยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ข้าวไทยได้ก้าวหน้าและก้าวไกลอย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรที่เหมาะสมต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในด้านการเลือกเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แม้อาจมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป
“สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชกระแสให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินโครงการฟื้นฟูราษฎรที่ประสบอุทกภัยในปี 2553 โดยได้แบ่งการดำเนินโครงการเป็นสองระยะ ระยะแรกเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ระยะที่สองให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชให้กับราษฎรเพื่อการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องเป็นลำดับต่อไป อันนำมาสู่ความร่วมมือกับบิ๊กซีที่เสนอความร่วมมือในการที่จะจัดทำโครงการข้าวสร้างสุข (บรรเทาทุกข์เกษตรกรจากภัยน้ำท่วมเพื่อดำรงชีพอย่างยั่งยืน) โดย มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นผู้ดำเนินการการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย กำหนดหลักเกณฑ์ของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการฯ และหลักเกณฑ์ในการรับซื้อข้าวและรับคืนเมล็ดพันธุ์ข้าวจากเกษตรกรเพื่อการแปรรูปและการเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อแจกจ่ายต่อไป รวมถึงดำเนินการนำผลผลิตข้าวไปเข้าขบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนถึงการบรรจุถุงพร้อมวางขายให้ผู้บริโภค และพิจารณาการสร้างโรงเก็บข้าวเปลือกสำหรับการเก็บข้าวในโครงการ ซึ่งผลผลิตข้าวบรรจุถุงนั้น มูลนิธิฯ จะดำเนินการจำหน่าย ณ โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนากล่าว
ในการดำเนินงานโครงการดังกล่าวจะเป็นการเผยแพร่แนวพระราชดำริในการที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวหันมาใช้ที่เหมาะสมโดยวิธีผสมผสาน โดยการใช้แมลงศัตรูธรรมชาติและเชื้อราเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบ ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
“ทั้งนี้ การสนับสนุนเงินทุนของบิ๊กซี จะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ เงินทุนสนับสนุนการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 2,000,000 บาท และการสร้างโรงเก็บเมล็ดข้าว จำนวน 3,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 5,000,000.00 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรเทาทุกข์ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ประสบอุทกภัยได้ 2,000 - 5,000 ไร่”
นายอีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มีของการสนับสนุนโครงการว่า “จากการที่สัมผัสเมืองไทยใกล้ชิดมากว่า 10 ปี เมื่อผมเห็นประเทศไทยประสบอุทกภัยเป็นวงกว้าง สิ่งแรกที่ห่วงคือเรื่องปากท้อง ในขั้นแรกบิ๊กซีได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งในรูปความช่วยเหลือด้านเงิน เครื่องอุปโภคและบริโภค และการลงแรงไปช่วยเหลือของพนักงานบิ๊กซี ตัวผมเองก็ได้นำถุงยังชีพไปมอบให้พี่น้องชาวอีสาน ภาคกลางและภาคใต้ในทันที แต่ขณะเดียวกัน ก็มองหาวิธีที่จะช่วยเหลือหลังน้ำลดแล้วไปพร้อม ๆ กัน”
“โชคดีที่ผมได้มีโอกาสพบปะหารือกับมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ได้ริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลายโครงการ อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการเพื่อพี่น้องชาวไทยมากมาย ผมพบว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและสำคัญมาก เพราะประเทศไทยบริโภคข้าวและส่งออกข้าวเป็นหลัก โครงการนี้นอกจากจะให้เมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรเพื่อไปปลูกข้าว ยังเป็นเมล็ดพันธุ์ที่คัดสรรและพัฒนามาอย่างดี เหมาะสมกับการปลูกช่วงฤดูนาปรังที่กำลังจะมาถึง มีหน่วยงานดูแลให้ความรู้ร่วมกับเกษตรกรในทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ปลายทางที่เหมาะสม ปลอดภัยจากสารพิษ ดีต่อทั้งผู้ปลูก ผู้บริโภคและระบบนิเวศน์” นายอีฟกล่าว
“บิ๊กซี จึงขอเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน เพราะตระหนักว่าเป็นโครงการข้าวที่จะสร้างสุขให้คนไทยได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน โดยจะมอบเงินทุนจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนด้านเมล็ดพันธุ์ข้าวและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างไซโลเก็บข้าว ขนาดประมาณ 250 ตันโดยคาดหวังว่า ความช่วยเหลือในโครงการข้าวสร้างสุขของบิ๊กซี จะสามารถผลิต ข้าวสร้างสุข ได้ถึง 2.1 ล้านกิโลกรัม”
“นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านเงินทุนข้างต้น บิ๊กซี ยังได้นำจุดแข็งของการมีสาขากว่า 111 แห่ง มาช่วยสนับสนุนด้านพื้นที่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้าดีต่อสุขภาพและปลอดภัยจากสารพิษของมูลนิธิชัยพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “ภัทรพัฒน์” ไปสู่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน โดยมองว่าจะเริ่มทดลองจากสาขาในเมืองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและให้ความสำคัญต่อสุขภาพก่อน เช่น บิ๊กซี เอกมัย” นายอีฟกล่าวเสริม
ทั้งนี้ หลังจากนี้อีก 3 เดือน เมื่อได้ผลผลิตรุ่นแรกของ “ข้าวสร้างสุข” ซึ่งได้การรับรองว่าผ่านขั้นตอนการเพาะปลูกที่ดี มี GAP (Good Agricultural Practice) มาแล้ว ก็จะมีการนำข้าวไปสีในโรงสีที่ได้รับการรับรองว่ามีขั้นตอนการผลิตที่ดี (GMP: Good Manufacturing Practice) ก่อนบรรจุถุง และนำมาวางจำหน่ายในบิ๊กซี ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงต่อไป
---------------------------------------------------------------
สำนักประชาสัมพันธ์
สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา