เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556
เวลาประมาณ 16.00 น. ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในงานเปิดตัว “น้ำมันเมล็ดชา” ที่จะเริ่มฤดูกาลผลิตในปี 2556 ณ ร้านอาหารเมล็ดชา ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน มูลนิธิชัยพัฒนา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในโอกาสนี้ ยังได้ให้เกียรติแสดงฝีมือการทำอาหารจานพิเศษซึ่งปรุงจากน้ำมันเมล็ดชา ร่วมกับเชฟ ชุมพล แจ้งไพร เลขาธิการสมาคมพ่อครัวแห่งประเทศไทย (เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย) เพื่อเป็นเมนูแนะนำให้แก่ทางร้านเมล็ดชาต่อไป
จุดกำเนิดการศึกษาและวิจัย รวมถึงการผลิตน้ำมันเมล็ดชาของมูลนิธิชัยพัฒนานั้น นับย้อนหลังไปในปี พ.ศ. 2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนา ทดลองนำต้นชาน้ำมันสายพันธุ์ Camellia oleifera จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาปลูกในประเทศไทย โดยเริ่มการปลูกและขยายพันธุ์ในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นแห่งแรก ก่อนที่จะขยายไปในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ด้วยทรงตระหนัก และทรงเล็งเห็นคุณประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชาว่า เป็นน้ำมันที่ดีมีประโยชน์จนได้ชื่อว่าเป็นน้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก และเหนือสิ่งอื่นใดหากการทดลองปลูกพืชชาน้ำมันนี้สำเร็จ นอกจากจะสามารถผลิตน้ำมันชาได้เองในประเทศแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรในภาคเหนือให้มีอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้อีกทางหนึ่ง
ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชา - น้ำมันเมล็ดชาประกอบด้วยองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกายและไม่มีกรดไขมันทรานส์ ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมคุณประโยชน์ต่างๆได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งไม่ดีต่อร่างกายต่ำ ในขณะที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งดีต่อร่างกายสูงถึงประมาณ 87-81% โดยแบ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวหรือกรดโอเลอิก (โอเมก้า 9) ประมาณ 72-78% กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง คือ กรดไลโนเลอิก (โอเมก้า 6) ประมาณ 13-28% และ กรดแอลฟาไลโนเลนิก (โอเมก้า 3)ประมาณ 1-10% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้สามารถช่วยลดระดับ LDL (คลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่มระดับ HDL (คลอเรสเตอรอลชนิดดี) ในร่างกาย ทำให้สามารถป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้ จึงดีต่อสุขภาพของผู้ที่รักสุขภาพ ผู้มีภาวะน้ำหนักเกิน รวมถึงผู้สูงอายุด้วย
นอกจากประโยชน์และสรรพคุณมากมายทางด้านสุขภาพแล้วนั้น น้ำมันเมล็ดชายังสามารถนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางบำรุงเส้นผมและผิวพรรณต่างๆ ได้ เช่น โลชั่นบำรุงผิว ครีมกันแดด สบู่ เป็นต้น และที่สำคัญส่วนที่เหลือจากการบีบน้ำมันเมล็ดชา ที่เรียกว่า กากชา ยังสามารถใช้เป็นสารกำจัดหอยเชอรี่ในนาข้าวได้อีกด้วย
“น้ำมันเมล็ดชา” นี้ผลิตและจำหน่ายโดยโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน มูลนิธิชัยพัฒนา เริ่มตั้งแต่กระบวนการปลูกและการผลิตจนสำเร็จ และสามารถจำหน่ายได้ครั้งแรกในปี 2554 นับจากนั้นเป็นต้นมา “น้ำมันเมล็ดชา” ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และในปี 2555 ยังได้รับตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” จากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นการรับรองอาหารที่มีชนิดของกรดไขมันในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
คุณประโยชน์ครบถ้วนขนาดนี้ น้ำมันเมล็ดชาจึงเป็นน้ำมันที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและทุกคนที่รักสุขภาพ .... ให้น้ำมันเมล็ดชา ..ให้สิ่งที่ดีและมีคุณค่าต่อชีวิตคุณ... ผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ที่โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หรือที่ร้านภัทรพัฒน์ ทุกสาขา ในราคาขวดละ 150 บาท