วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2557 เวลา 09.00 น. นายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เดินทางไปยัง หอประชุมโรงเรียนบ้านหัวฝาย หมู่ 10 บ้านหัวฝาย ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประกอบพิธีมอบข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี 1 พระราชทานจากสมเด็จพระเทพ-รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้แก่เกษตรกรที่ประสบอุทกภัย
ตามที่เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2557 ได้เกิดอุทกภัยขึ้นที่หมู่ 10 บ้านหัวฝาย ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ สร้างความเสียหายให้แก่ระบบสาธารณูปโภคและพื้นที่ทางการเกษตร ของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งรวมถึงกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายของโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาเกษตรกรรมบนพื้นที่สูงของมูลนิธิชัยพัฒนา ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้พระราชทานความช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วยการพระราชทานข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี 1 จำนวน 10 ตัน ซึ่งเป็นข้าวจากโครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนแบบครบวงจร (โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา) ตำบลลาดบัวหลวง อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระราชทานแก่เกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 56 ราย ซึ่งพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ดำเนินการปลูกได้ ทั้งนี้แผนการช่วยเหลือในระยะต่อไปมูลนิธิชัยพัฒนา จะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ทางการเกษตรซึ่งได้รับความเสียหาย รวมถึงให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตอื่นๆ ที่จำเป็นให้แก่เกษตรกร
พิธีเปิดฤดูกาลหีบน้ำมันเมล็ดชา ประจำปี 2557 ภายใต้ชื่องาน Good Health Good Heart by Maletcha
จากนั้นเวลา 17.00 น. เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้เดินทางถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดฤดูกาลหีบน้ำมันเมล็ดชา ประจำปี 2557 ภายใต้ชื่องาน Good Health Good Heart by Maletcha ในการนี้ นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายสมชาย รุ่งสาคร นายอำเภอแม่สาย ได้ให้เกียรติเข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย
กิจกรรมภายในงานนอกจากจะมีพิธีเปิดฤดูกาลหีบน้ำมันเมล็ดชา ประจำปี 2557 แล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ การตรวจสมรรถภาพร่างกายและรับฟังคำแนะนำจากทีมแพทย์และพยาบาลในการดูแลสุขภาพ การให้ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคน้ำมันและไขมันให้เหมาะสมกับสุขภาพ และการชิมอาหารที่ทำจากน้ำมันเมล็ดชา เป็นต้น
จุดกำเนิดการศึกษาและวิจัย รวมถึงการผลิตน้ำมันเมล็ดชาของมูลนิธิชัยพัฒนานั้น นับย้อนหลังไปในปี พ.ศ. 2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนา ทดลองนำต้นชาน้ำมันสายพันธุ์ Camellia oleifera จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาปลูกในประเทศไทย โดยเริ่มการปลูกและขยายพันธุ์ในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นแห่งแรก ก่อนที่จะขยายไปในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ด้วยทรงตระหนักและทรงเล็งเห็นคุณประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชาว่าเป็นน้ำมันที่ดีมีประโยชน์จนได้ชื่อว่าเป็นน้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก และเหนือสิ่งอื่นใดหากการทดลองปลูกพืชชาน้ำมันนี้สำเร็จ นอกจากจะสามารถผลิตน้ำมันชาได้เองในประเทศแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรในภาคเหนือให้มีอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้อีกทางหนึ่ง
ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชา - น้ำมันเมล็ดชาประกอบด้วยองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกายและไม่มีกรดไขมันทรานส์ ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมคุณประโยชน์ต่างๆได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งไม่ดีต่อร่างกายต่ำ ในขณะที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งดีต่อร่างกายสูงถึงประมาณ 81-87% โดยแบ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวหรือกรดโอเลอิก (โอเมก้า 9) ประมาณ 72-78% กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งคือ กรดไลโนเลอิก (โอเมก้า 6) ประมาณ 13-28% และ กรดแอลฟาไลโนเลนิก (โอเมก้า 3)ประมาณ 1-10% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้สามารถช่วยลดระดับ LDL (คลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่มระดับ HDL (คลอเรสเตอรอลชนิดดี) ในร่างกาย ทำให้สามารถป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้ จึงดีต่อสุขภาพของผู้ที่รักสุขภาพ ผู้มีภาวะน้ำหนักเกิน รวมถึงผู้สูงอายุด้วย
นอกจากประโยชน์และสรรพคุณมากมายทางด้านสุขภาพ น้ำมันเมล็ดชายังสามารถนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางบำรุงเส้นผมและผิวพรรณต่างๆ ได้ อาทิ โลชั่นบำรุงผิว ครีมกันแดด สบู่ เป็นต้น และที่สำคัญส่วนที่เหลือจากการบีบน้ำมันเมล็ดชา ที่เรียกว่า กากชา ยังสามารถใช้เป็นสารกำจัดหอยเชอรี่ในนาข้าวได้อีกด้วย
“น้ำมันเมล็ดชา” ผลิตและจำหน่ายโดยโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน เริ่มตั้งแต่กระบวนการปลูกและการผลิตจนสำเร็จและสามารถจำหน่ายได้ครั้งแรกในปี 2554 นับจากนั้นเป็นต้นมา “น้ำมันเมล็ดชา” ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และในปี 2555 ยังได้รับตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” จากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นการรับรองอาหารที่มีชนิดของกรดไขมันในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
น้ำมันเมล็ดชาเป็นน้ำมันที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและทุกคนที่รักสุขภาพ .... ให้น้ำมันเมล็ดชา ..ให้สิ่งที่ดีและมีคุณค่าต่อชีวิตคุณ... ผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ที่โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หรือที่ร้านภัทรพัฒน์ ในราคาขวดละ 200 บาท