สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการศึกษาและพัฒนาการปลูกชาน้ำมันของมูลนิธิชัยพัฒนาในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการศึกษาและพัฒนาการปลูกชาน้ำมันของมูลนิธิชัยพัฒนา ณ แปลงปลูกชาน้ำมัน บ้านปูนะ หมู่ที่ 4 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย
โครงการศึกษาและพัฒนาการปลูกชาน้ำมันของมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นการดำเนินงานสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เริ่มดำเนินการเมื่อปลายปี 2547 โดยการนำตัวอย่างเมล็ดพันธุ์และต้นอ่อนของชาน้ำมันจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาศึกษาทดลองในพื้นที่ของมูลนิธิชัยพัฒนา พื้นที่ของกรมวิชาการเกษตร พื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พื้นที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (โป่งน้อย) อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่แปลงชาน้ำมัน บ้านโปง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พื้นที่บริเวณสวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พื้นที่บริเวณเนินปางมะหัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ในโครงการพัฒนาพื้นที่ดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง
การดำเนินงานในปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของชาน้ำมัน เพื่อหาพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกในประเทศไทย โครงการฯ ได้เพาะต้นกล้าชาน้ำมันและจัดหาพื้นที่ปลูกชาน้ำมันเพิ่มเติมในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ดอยตุงฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้มีพื้นที่ในการปลูกชาน้ำมันเพิ่มเป็น 29,662 ไร่ ส่งผลให้ราษฎร ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจนได้มีงานทำในพื้นที่ มีรายได้ ไม่ต้องออกไปรับจ้างทำงานที่อื่น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นการลดปัญหาการเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซากในพื้นที่โครงการฯ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่ป่าอีกด้วย
สำหรับการดำเนินงานโครงการศึกษาและพัฒนาการปลูกชาน้ำมันบ้านปูนะ มีราษฎรเข้าร่วมโครงการฯ 402 ครอบครัว จากหมู่บ้าน 13 แห่ง ปลูกชาน้ำมันทั้งสิ้น 534,660 ต้น มีพื้นที่ดำเนินโครงการ 24,662 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกชาน้ำมัน 2,010 ไร่ โดยให้ราษฎรปลูกชาน้ำมันครอบครัวละ 5 ไร่ พื้นที่ป่าใช้สอย 1,095 ไร่ ให้ราษฎรดูแลครอบครัวละ 2 ไร่ พื้นที่ปลูกป่าแบบไม่ปลูก 16,904 ไร่ ให้ราษฎรดูแลครอบครัวละ 42 ไร่ และพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของราษฎร เฉลี่ยครอบครัวละ 11 ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้ราษฎรในพื้นที่ได้มีโอกาสทำกินในพื้นที่ พร้อมทั้งได้ดูแลรักษาป่าและดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับป่าได้ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการให้คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน