- หน้าแรก
- โครงการพระราชดำริ (จำแนกตามพื้นที่ในภูมิภาค)
- โครงการฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม มูลนิธิชัยพัฒนา
- การเปิดศูนย์ฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
การเปิดศูนย์ฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2553
นายมนูญ มุกข์ประดิษฐ์ รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายพิมลศักดิ์ สุวรรณทัต เหรัญญิกมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ณ องค์การบริหารส่วนตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ตามที่ ได้เกิดอุทกภัยในหลายจังหวัดของประเทศไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้พระราชทานพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ โดยเน้นในเรื่องของการฟื้นฟูหลังน้ำลดเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับมา ดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา จึงได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริ โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัยตามจังหวัดต่างๆ เพื่อสำรวจและสอบถามข้อมูลความต้องการความช่วยเหลือของประชาชนเมื่อระดับน้ำ ลด พบว่า ประชาชนชนต้องการให้ช่วยเหลือในเรื่องของการซ่อมแซมเครื่องยนต์ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกลการเกษตร และเมล็ดพันธุ์พืช เป็นหลัก
สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา จึงได้ร่วมกับกองทัพบก สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด และบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปเปอเรชั่น จำกัด ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ โดยในจังหวัดสิงห์บุรี มูลนิธิชัยพัฒนาได้ดำเนินการเปิดศูนย์ฟื้นฟูฯ ขึ้นที่ ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยร้ายแรงที่สุดในอำเภออินทร์ บุรี จากจำนวน 8 หมู่บ้าน รวม 1,000 ครอบครัว พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 10,000 ไร่
ศูนย์ฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมของ มูลนิธิชัยพัฒนา จะเปิดให้บริการ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2553 โดยบริษัทไทยยามาฮ่า มอเตอร์ และวิทยาลัยการอาชีพอินทร์บุรี จะจัดส่งบุคลากรและนักศึกษาที่มีความชำนาญมาซ่อมแซมเครื่องจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อบรรเทาทุกข์ ของประชาชนในเบื้องต้น ส่วนในระยะต่อไปมูลนิธิชัยพัฒนา จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือในเรื่องของเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูกเพื่อสร้างอาชีพให้เกิดความยั่งยืนต่อไป