วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนา ในเขตจังหวัดอุดรธานี ดังนี้
เวลาประมาณ 09.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมายัง โครงการสาธิตการพัฒนาพื้นที่ บ้านยามกาน้อย อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2544 ให้จัดทำเป็น “แปลงสาธิตตัวอย่าง”
โดยกำหนดแนวทางการพัฒนาที่ดินในลักษณะดินตื้นปนลูกรัง เพื่อเป็นแนวทางเลือกแก่เกษตรกรบริเวณใกล้เคียงได้นำไปประยุกต์ใช้
ในการนี้ ทรงรับฟังบรรยายสรุปความเป็นมาและการดำเนินงานต่างๆ โดยในปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการปรับสภาพพื้นที่ในโครงการฯ ให้เป็นแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน พร้อมทั้งขุดสระน้ำ จัด ทำแปลงพืชไร่ พืชสวน สร้างคอกสัตว์เลี้ยง และเลี้ยงปลา สำหรับการดำเนินงานระยะต่อไป โครงการฯ ได้กำหนดแผนบำรุงรักษาแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน ให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรและบุคคลที่สนใจเข้ามาศึกษาหาความรู้ ควบคู่ไปกับนำผลการศึกษาขยายออกสู่ราษฎร และจะเน้นการขยายพันธุ์พืชที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้นำมาหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ
จากนั้น ทอดพระเนตรระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประจำส่วนภูมิภาคของสำนักงานมูลนิธิขัยพัฒนา ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริเมื่อครั้งประชุมคณะกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อปี 2552 โดยให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาจัดทำระบบสารสนเทศให้มีโครงข่ายครอบคลุมและเชื่อมโยงกันระหว่างสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาส่วนกลาง และสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยสำนักสารสนเทศ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาได้เริ่มดำเนินการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นการรายงานผลและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการโครงการพัฒนาของมูลนิธิชัยพัฒนาเกิดประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์แก่ราษฎรอย่างแท้จริง
ต่อมา เสด็จพระดำเนินไปทรงปลูกต้นมะขามเปรี้ยว และทอดพระเนตรกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ อาทิ การปลูกมะขามแซมฝรั่ง ซึ่งในอนาคตจะนำผลผลิตที่ได้มาแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม และจะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจำหน่ายในร้านภัทรพัฒน์ของมูลนิธิชัยพัฒนา
การเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ หรือที่เรียกกันว่า “ตู้เย็นปลาสด” เพื่อแสดงให้เห็นว่าผลผลิตที่มีอยู่ในโครงการ สามารถที่จะเลือกนำมาประกอบอาหารได้ตลอดเวลา เพราะมีความสด ใหม่ และสะอาดปราศจากสารเคมี เสมือนการนำของที่มีอยู่ในตู้เย็นมาประกอบอาหารได้ทันที ทั้งนี้ การเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์มีข้อดี คือน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงปลาสามารถนำมาใช้ทดแทนปุ๋ย นำไปรดพืชผักทางการเกษตรได้อีกทางหนึ่ง
กิจกรรมการปลูกผักหวาน ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของชาวบ้าน โครงการฯ จึงได้ขยายพันธุ์เพื่อแจกจ่ายให้ชาวบ้านใช้ในการเพาะปลูก และนำยอดไปจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาใช้บริหารโครงการ นอกจากนี้ ยังได้นำใบของผักหวานนำมาทดลองแปรรูปเป็นชา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิต ในอนาคตจะนำชาผักหวานมาจำหน่ายในร้านภัทรพัฒน์ของมูลนิธิชัยพัฒนา
จากนั้น เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรโรงเพาะเห็ด กิจกรรมขยายพันธุ์ไผ่เลี้ยง การเลี้ยงไก่พื้นเมืองและเป็ดเทศ เครื่องจักสานของเกษตกรเครือข่าย
นอกจากนี้ ได้ทอดพระเนตรกิจกรรมการเรียนทำอาหารและแปรรูปอาหาร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ราษฎรต้องการที่จะหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำไปประกอบอาชีพต่อไป ซึ่งการจัดกิจกรรมตามความต้องการของราษฎรในลักษณะดังกล่าวนี้ ได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจากบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด โดยจะดำเนินการในพื้นที่โครงการต่างๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนาทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายรถจักรยานยนต์ เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนาในแปลงต่างๆ ทั่วประเทศ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่ผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ
โครงการสาธิตการพัฒนาพื้นที่ บ้านยามกาน้อย อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เป็นโครงการที่มีหน่วยงานราชการและราษฎรให้ความสนใจเยี่ยมชมการดำเนินงานเป็นจำนวนมาก เนื่อง จากโครงการฯ มีกิจกรรมที่หลากหลาย สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติได้จริง และสถานที่ตั้งอยู่บนถนนหลวงสายอุดรธานี-หนองคาย ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านไปยังกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางสายนี้สามารถแวะเข้าเยี่ยมชมโครงการฯ ได้
เวลาประมาณ 12.50 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมายัง โครงการพัฒนาพื้นที่ การเกษตรบ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลคำบง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เพื่อทรงติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการ โดยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2541 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนานำที่ดิน จำนวน 26 ไร่ ไปพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชน โดยจัดทำเป็นแปลงปลูกยางพารา เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรในการปลูกยางพาราอย่างถูกต้องตามหลักวิธี
ในการนี้ ทรงรับฟังประวัติความเป็นมาและรายงานผลการดำเนินงานต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งแต่เดิมนั้นโครงการพัฒนาพื้นที่การเกษตรบ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลคำบง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นโครงการสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน แต่เนื่องด้วยสภาพพื้นที่แห่งนี้มีลักษณะแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาจึงได้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานโครงการเป็นการสาธิตการปลูกยางพารา เพราะพบว่า สภาพพื้นที่สามารถปลูกยางพาราได้เป็นอย่างดี เนื่องจากต้นยางพาราต้องการน้ำในระยะแรกปลูกเท่านั้น แต่เมื่อต้นเริ่มโตแล้วสามารถให้น้ำน้อยลงได้ อีกทั้งราษฎรให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ดังนั้น โครงการพัฒนาพื้นที่การเกษตรบ้านโนนสมบูรณ์ จึงเน้นการสาธิตการปลูกยางพารา เพื่อให้เกษตรกรที่ประกอบอาชีพด้านทำสวนยางได้เข้ามาศึกษาดูงาน และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ ในช่วงที่ต้นยางพารายังไม่สามารถผลิตน้ำยางได้ เกษตรกรที่ปลูกยางพาราได้นำใบของต้นยางพารามาประดิษฐ์เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ หรือของชำร่วยต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริม
จากนั้น ทอดพระเนตรแปลงแสดงสายพันธุ์ยางพาราในพื้นที่โครงการ การเลี้ยงหมูหลุม การฝึกอบรมการฝึกกรีดยางให้กลุ่มเกษตรกรในเครือข่าย และทรงกรีดยาง ต่อมา ทอดพระเนตรกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์ปีกและการเลี้ยงปลา โดยโครงการได้สาธิตให้เกษตรกรเห็นว่าสามารถนำสิ่งที่มีอยู่ หรือสิ่งที่เหลือใช้จากแปลงเกษตรนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก อาทิ สามารถนำมูลจากหมูหลุมมาทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ การนำเอาน้ำจากบ่อเลี้ยงปลามารดน้ำต้นไม้ การเลี้ยงเป็ด ไก่ เพื่อขาย เป็นต้น
โอกาสนี้ พระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่ผู้ให้การสนับสนุนโครงการ
เวลาประมาณ 14.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมายัง โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2541 ให้มูลนิธิชัยพัฒนานำที่ดินไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ซึ่งสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาได้พัฒนาพื้นที่จำนวนประมาณ 20 ไร่ โดยเน้นการพัฒนาที่ดินในลักษณะแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสานที่เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้เป็นแปลงตัวอย่างและทางเลือกสำหรับเกษตรกรบริเวณใกล้เคียงได้ศึกษา และสามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติเพื่อพัฒนาอาชีพการเกษตร
ในการนี้ ทรงรับฟังบรรยายสรุปความเสียหายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งได้เกิดลูกเห็บขนาดใหญ่พัดถล่มในอำเภอบ้านผือ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการฯ ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวด้วย ส่งผลกระทบให้แปลงและพืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหาย ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานงบประมาณเพื่อนำมาปรับปรุงและซ่อมแซมอาคาร และแปลงเกษตรต่างๆ
จากนั้น ทอดพระเนตรกิจกรรมภายในโครงการฯ อาทิ การเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ การเลี้ยงหมูหลุม การเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์ การเลี้ยงสัตว์ปีกในแปลงวนเกษตร ซึ่งเป็นการเลี้ยงสัตว์ในแปลงวนเกษตรที่มีต้นไม้ขึ้นเองตามธรรมชาติ และปล่อยให้สัตว์อาศัยแหล่งอาหารในป่าธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยในการลดต้นทุนในส่วนของค่าอาหารสัตว์ได้ส่วนหนึ่ง
โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการฝึกอบรมวิชาชีพการซ่อมเครื่องยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้สนับสนุนในด้านของงบประมาณและบุคคลากร เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกอาชีพแก่ชาวบ้านที่สนใจ โดยเกษตรกร หรือราษฎรที่สนใจสามารถรวมกลุ่มขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เพื่ออบรมในวิชาชีพที่ตนมีความสนใจ ซึ่งบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จะให้การสนับสนุนในการฝึกอาชีพด้านต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นและสามารถพัฒนาไปจนถึงการส่งเสริมด้านการเปิดร้าน หรือประกอบอาชีพที่ได้รับการอบรม จนสามารถเป็นเจ้าของกิจการด้วยตนเองได้
นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้จัดการโรงสีศรีไทยใหม่เข้าเฝ้าฯ น้อมเกล้าฯ ถวายอาคารร้านชำ เพื่อใช้ในโครงการฯ และก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญที่ระลึกแก่ผู้ให้การสนับสนุนโครงการ
------------------------------------------------
สำนักประชาสัมพันธ์
สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา