สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเกี่ยวข้าวณ แปลงสาธิตการเกษตร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2551
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเกี่ยวข้าว ณ แปลงสาธิตการเกษตร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2551 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงดำนา ด้วยวิธีการโยaนกล้าข้าวลูกผสมสายพันธุ์ PTT06022H ในแปลงนาสาธิตที่ 3 เนื้อที่ 10.9 ไร่
สำหรับแปลงนาสาธิตที่ 5 ทรงปักดำกล้าข้าวพันธุ์ กข 31 (ปทุมธานี 80) โดยกล้าข้าวที่ทรง ปักดำมีอายุ 22 วัน ใช้ระยะปักดำ 20 X 20 เซนติเมตร หลังการดำนาได้มีการหว่านปุ๋ยรองพื้นแอมโมเนียฟอสเฟต สูตร 16-20-0 อัตรา 40 กิโลกรัม / ไร่ กำจัดวัชพืช 2 ครั้ง ด้วยการใช้แรงงาน หว่านปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 หลังปักดำ 45 วัน ใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัม /ไร่ ครั้งที่ 2 ในระยะข้าวออกดอก ใช้ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัม/ไร่ ต้นข้าวมีการเจริญเติบโตดี จนถึงวันเก็บเกี่ยวต้นข้าวมีอายุ 114 วัน คุณสมบัติข้าวพันธุ์ กข 31 (ปทุมธานี 80 ) เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง ปลูกได้ทุกฤดู ความสูงของต้น 117 เซนติเมตร อายุเก็บเกี่ยว 110-118 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 738 กิโลกรัมต่อไร่ มีความต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดหลังขาว ค่อนข้างต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคขอบใบแห้ง โรคใบจุดสีน้ำตาล และโรคเมล็ดด่าง อ่อนแอต่อโรคไหม้ โรคใบหงิก และโรคใบสีส้ม ข้าวสุกค่อนข้างแข็ง มีปริมาณอมิโลส 27-29 เปอร์เซ็นต์
โดยกล้าข้าวที่ทรงโยนมีอายุ 15 วัน ปัจจุบันต้นข้าวมีอายุ 107 วัน โดยข้าวพันธุ์ดังกล่าวเป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อแสง ปลูกได้ทุกฤดู ความสูงของต้น 115-125 เซนติเมตร อายุเก็บเกี่ยว 117 วัน ในฤดูนาปีให้ผลผลิตเฉลี่ย 906 กิโลกรัมต่อไร่ และให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ปทุมธานี 1 ร้อยละ 30 ข้าวสายพันธุ์นี้มีความต้านทานต่อโรคไหม้ แต่ค่อนข้างอ่อนแอต่อแมลงเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
โครงการทำนาในพื้นที่ว่างเปล่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริ กับนายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในปี 2540 ให้ประสานกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พิจารณาหาพื้นที่ว่างเปล่ามาพัฒนาให้เกิดประโยชน์เพื่อเป็นตัวอย่างให้ เกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตน ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่หลักการ พออยู่ พอกิน ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน