- หน้าแรก
- เอกสารเผยแพร่
- บทความที่น่าสนใจ
- บทความพิเศษ เกี่ยวเนื่องด้วย สบู่ดำ
บทความพิเศษ เกี่ยวเนื่องด้วย สบู่ดำ
ข้อมูลจากงานวิจัยของ Hecker ปี 2520
เมื่อ เร็ว ๆ นี้ ได้มีข่าวเกรียวกราวเกี่ยวกับต้นสบู่ดำว่า น้ำมันจากเมล็ดของพืชนี้สามารถที่จะนำไปใช้ทดแทนน้ำมันที่ใช้กับเครื่องยนต์ ได้ และอาจจะมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกสบู่ดำ เพื่อบีบน้ำมันใช้ภายในไร่แทนน้ำมันเครื่องยนต์อื่นๆ ในฐานะที่ผู้เขียนได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับสารเคมีในพืชตระกูลนี้จึงใครขอเสนอ ข้อมูลเกี่ยวกับต้นสบู่ดำที่รวบรวมได้จากเอกสารวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรและท่านผู้สนใจได้ทราบไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาน้ำมัน จากเมล็ดสบู่ดำเพื่อใช้ทดแทนน้ำมันเครื่องยนต์ต่อไป
สบู่ดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Jatropha curcas เป็นพืชในตระกูล Euphorbiaceas ใน เมล็ดมีน้ำมันซึ่งติดไฟได้ประกอบอยู่ ในสมัยก่อนเด็ก ๆ จะเสียบเมล็ดสบู่ดำติดปลายไม้เจาะรูแล้วจุดไฟใช้เป็นคบไฟในยามค่ำคืน การวิเคราะห์ปริมาณน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำนั้นมีกันมานานแล้ว เมื่อ 60 ปีที่แล้ว มีผู้พบว่าเมล็ดสบู่ดำมีน้ำมันอยู่ถึงร้อยละ 34-37 โดยน้ำหนักแต่พบว่าน้ำมันนี้ไม่เหมาะสมในการใช้หล่อลื่นเครื่องยนต์ (Chemical Abstracts 16, 2038, 1922)
จากการศึกษาน้ำมันนี้เพิ่มเติมในระยะต่อมา จึงได้พบว่า น้ำมันนี้มีองค์ประกอบที่เป็นโปรตีนอยู่ (ซึ่งเรียกว่า toxalbumin หรือ curcin) ซึ่งเมื่อนำไปทดสอบความเป็นพิษโดยกรรมวิธีทดลองที่ใช้กันทั่วไปแล้วพบว่าหนูที่ใช้ทดลองตายหมดภายใน 96 ชั่วโมง(Chemical Abstracts 56, 10579f, 1962)
ใน ระหว่างทศวรรษทีแล้ว ราคาน้ำมันเริ่มสูงขึ้น ทำให้มีการหันมาสนใจศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้น้ำมันจากเมล็ดสบู่ ดำนี้แทนน้ำมันเครื่องยนต์ และได้มีการศึกษาถึงองค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันนี้อย่างละเอียดก่อนที่จะนำ ไปทดลองใช้ต่อไป จึงได้พบว่าน้ำมันนี้มีสารประเภทฟอร์บอลเอสเตอร์ (phorbol ester) ประกอบด้วย (Hecker, 1977) สารประเภทนี้เป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองบนผิวหนังและจากการทดลอง แต้มสารนี้บนผิวหนังของหนูหลาย ๆ ครั้ง ซ้ำ ๆ กันเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้เกิดเนื้องอกที่เป็นมะเร็งขึ้น (Hecker, 1977) ผู้เขียนเองได้มีโอกาสเห็นหนูทดลองเหล่านี้ด้วยตาตนเอง เมื่อปี พ.ศ. 2524 ที่สถาบันวิจัยมะเร็งในประเทศเยอรมัน ภาพหนูที่เป็นมะเร็งจากการถูกแต้มด้วยสารประเภทนี้ ยังเป็นภาพที่ติดตาผู้เขียนอยู่จนทุกวันนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า มีผู้เรียกน้ำมันนี้ว่า Hell oil ซึ่งแปลเป็นไทยตรง ๆ ได้ว่า น้ำมันนรก (Burkil 1935, Watt and Breyer- brandwijk 1962)
ส่วน อื่น ๆ ของพืชนี้ก็มีอันตรายไม่น้อยเช่นกันและเพราะคงจะเป็นเพราะเหตุนี้กระมังจึง มีผู้ปลูกสบู่ดำไว้ตามหลุมฝังศพ หรือไว้เป็นรั้วกันวัวควายไม่ให้เข้าใกล้บ้าน (Barrett 1956, Irvine 1961) เมล็ดจากแต่ละต้นสบู่ดำจะมีพิษมากน้อยไม่เท่ากันขนของผลนั้นแข็งและสามารถ แทงผ่านผิวหนังได้ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมากนานเกินกว่า 24 ชั่วโมง บางครั้งก็จะมีไข้ตามมาด้วย (Watt and Breyer- brandwijk 1962 ) น้ำยางเมื่อถูกผิวหนังจะทำให้ผิวหนังอักเสบ (Huret 1942, Morton 1998, Watt and Breyer- brandwijk 1962) และน้ำจากใบเมื่อเข้าตาจะทำให้เกิดอาการอักเสบได้ (Irvine 1961)
สำหรับ การพัฒนาน้ำมันจากต้นสบู่ดำให้เป็นประโยชน์ไม่ว่าใช้เป็นน้ำมันเครื่องยนต์ หรือในการอื่น ๆนั้นยังเป็นสิ่งที่น่าจะกระทำกันต่อไป แต่ก่อนที่จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบทั่วกันนั้น จำเป็นจะต้องแน่ใจเสียก่อนว่าจะไม่มีพิษตกค้างหรือเป็นโทษในภายหลัง โดยอาจจะค้นหากรรมวิธีทำลายหรือแยกสารพิษฟอร์บอลเอสเตอร์ออกเสียก่อนที่จะนำ ไปใช้งาน ในขณะเดียวกัน ก็ควรจะมีการศึกษาการผสมพันธุ์ของต้นสบู่ดำเพื่อให้ได้พันธุ์ที่มีสารเหล่า นี้น้อยที่สุดและมีผลผลิตของน้ำมันเมล็ดมากที่สุด
การวิจัยในแนวนี้ได้กระทำกันอยู่หลายประเทศในปัจจุบันนี้โครงการหนึ่งที่น่าจะกล่าวถึงในที่นี้ก็คือโครงการพัฒนาน้ำมันจากต้น Euphorbia Catyiris ในมหาวิทยาลัยคาลิฟฟอร์เนีย ที่เมืองเบอร์คลี ในประเทศอเมริกา โดยศาสตราจารย์ Malvin calvin โครงการ วิจัยนี้สามารถผลิตน้ำมันที่ใช้กับเครื่องยนต์ได้ในราคาประมาณ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ซึ่งแพงกว่าน้ำมันดิบที่ใชกันอยู่ในปัจจุบันที่มีราคาเพียง 34 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล แต่ศาสตราจารย์ Calvin เชื่อ ว่าเมื่อสามารถผสมพันธุ์จนสามารถได้พันธุ์ที่ผลิตน้ำมันได้มากขึ้นและเมื่อ ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นในอนาคตแล้วก็จะสามารถนำน้ำมันจากพืชดังกล่าวใช้แทน น้ำมันได้คุ้มค่ากับต้นทุนการผลิต
ผู้ เขียนหวังว่า ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาน้ำมันจากสบู่ดำให้เป็นประโยชน์ และทำให้เกษตรกรเพิ่มความระมัดระวัง เมื่อจะปลูกต้นสบู่ดำ และถ้าจะบีบน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำ ที่ขึ้นอยู่ในไร่ไปใช้ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำมันเมล็ดสบู่ดำให้ มากที่สุด แม้ว่าเนื้องอกจะไม่เกิดขึ้นทันทีที่สัมผัสน้ำมันเมล็ดสบู่ดำก็ตาม แต่อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อสัมผัส หลาย ๆ ครั้ง ซ้ำ ๆ กัน
ท่านจะรู้ว่า มีเนื้องอกบนผิวหนังของท่านก็ต่อเมื่อมันงอกขึ้นมาแล้วเท่านั้น มารักษากันตอนนั้นคงจะไม่เหมาะสมแน่