- หน้าแรก
- เอกสารเผยแพร่
- บทความที่น่าสนใจ
- จากใจถึงใจสื่อสายสัมพันธ์
จากใจถึงใจสื่อสายสัมพันธ์
เดือนเมษายนนี้ ถือว่าเป็นเดือนแห่งการต้อนรับศักราชใหม่ของคนไทย คงไม่มีคำกล่าวใดที่แสดงความเป็นไทยได้ดีกว่าคำว่า "สวัสดีปีใหม่ " " สวัสดีปีกุน"
นับตั้งแต่มูลนิธิชัยพัฒนาได้จัดทำวารสารมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนากับท่านผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมสมทบเงินและอุปกรณ์ หรือสิ่งของต่างๆ จะได้ทราบว่ามูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการที่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทยอย่างไรบ้าง แต่เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ได้มีผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิฯ มากมาย ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดส่งวารสารชัยพัฒนาให้แก่ทุกท่าน แต่เนื่องจากการส่งวารสารฯ ในทุกครั้งจะมีการตีกลับของวารสารฯ มายังมูลนิธิฯ เป็นจำนวนมาก อาจเป็นเพราะผู้อ่านได้เปลี่ยนที่อยู่ หรือเหตุอื่นๆ และมีบางท่านที่ไม่ได้รับวารสารฯ ซึ่งผู้จัดทำวารสารฯ ต้องขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเช่นนี้ด้วย ดังนั้น ด้วยเหตุผลหลายประการดังกล่าว จึงทำให้ผู้จัดทำวารสารฯ มีความประสงค์จะปรับปรุงระบบรายชื่อผู้รับวารสารฯ ใหม่ให้ถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ดังนั้น วารสารฯ ฉบับเดือนธันวาคม 2549 จึงมีใบยืนยันตอบรับการรับวารสารฯ หลังจากที่วารสารฯ ได้ถูกส่งไปยังผู้อ่านทั้งหลาย เพียงไม่กี่สัปดาห์คณะผู้จัดทำวารสารฯ ต้องรับโทรศัพท์ที่โทรมาสอบถามกันทั้งวัน เนื่องจากว่ามีผู้อ่านจำนวนหลายท่านเกิดความสงสัยเรื่องของใบตอบรับกันมากมายเหลือเกิน ส่วนใหญ่ผู้อ่านจะคิดว่าการรับวารสารในฉบับต่อไปจะมีค่าใช้จ่ายหรือไม่ หรือไม่ก็เกิดความสงสัยในจุดประสงค์ของใบตอบรับ แต่ถึงแม้ว่าเราจะต้องรับโทรศัพท์จำนวนมาก แต่ความรู้สึกที่ได้ตอบคำถามของผู้อ่านนั้น ทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้ม ที่ผู้อ่านทั้งหลายให้ความสนใจใส่ใจกับสิ่งที่เราส่งไปให้
แต่ความปลาบปลื้มใจที่เราได้รับไม่ได้หมดเพียงแค่นั้น ความปลาบปลื้มและทราบซึ้งใจได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อท่านผู้อ่านได้ทะยอยกันส่งใบตอบรับกลับมาหาเราทุกวัน วันละหลายสิบฉบับ จนเรากลายเป็นพนักงานไปรษณีย์ชั่วคราวทำหน้าที่แกะจดหมายไปโดยปริยาย ซึ่งจดหมายแต่ละฉบับที่เราได้แกะอ่าน เราถือว่าไม่ได้เป็นเพียงกระดาษตอบกลับเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงสื่อแทนใจแทนความรู้สึกที่ส่งจากผู้อ่านมายังมูลนิธิฯ ความรู้สึกที่ยังรักและยังชื่นชมมูลนิธิฯ อย่างไม่เสื่อมคลาย
สิ่งที่ส่งมานอกเหนือจากใบตอบรับนั้น จะเป็นข้อความที่ผู้อ่านส่งมาเพื่อบอกความรู้สึกที่มีต่อมูลนิธิฯ ว่าชอบเนื้อหาในวารสารฯ และชอบจุดประสงค์ในการดำเนินงานของมูลนิธิฯ อีกด้วย และท้ายสุดของจดหมายนั้น จะมีคำอวยพรให้เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิชัยพัฒนาทุกๆ คน ซึ่งผู้จัดทำวารสารฯ ขอเป็นตัวแทนในการกล่าวขอขอบพระคุณในไมตรีและความหวังดีที่มีต่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทุกคน
นอกจากการให้พรแล้ว ก็ยังมีจดหมายบางฉบับที่ทำให้เรารู้สึกตื้นตันใจอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้ คือ มีผู้อ่านท่านหนึ่งได้ส่งจดหมายมาบอกทางมูลนิธิฯ ว่าท่านขอปฏิเสธการรับวารสารฯ ของมูลนิธิฯ ซึ่งเมื่อได้อ่านถึงตรงนี้ก็เกิดความรู้สึกตกใจและเสียใจ เพราะคิดไปว่าภายในวารสารฯ จะต้องมีจุดผิดพลาด หรือข้อเสียหลายประการ จึงทำให้ผู้อ่านท่านนี้ถึงขอปฏิเสธในฉบับต่อไป แต่เมื่อได้อ่านจนจบข้อความแล้ว จึงได้ทราบถึงสาเหตุที่ผู้อ่านท่านนี้ขอปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมูลนิธิฯ จะส่งวารสารฯ ไปยังผู้อ่านท่านนี้เช่นเดิม
อีกฉบับที่สร้างความประทับใจให้เราเป็นอย่างมาก และทำให้เรารู้สึกว่ามีกำลังใจในการจัดทำวารสารฯ ยิ่งขึ้นต่อไป เพราะจดหมายฉบับนี้หากดูเพียงภายนอกก็จะเป็นจดหมายใบตอบรับเช่นฉบับอื่นๆ แต่เมื่อเปิดซองแล้วกลับพบว่าภายในซองมีใบตอบรับอีกหลายฉบับ พร้อมด้วยรายชื่อขอวารสารฯ อีกหนึ่งหน้ากระดาษ ทำให้เรารู้สึกสุขใจที่ยังมีอีกหลายท่านที่ต้องการสมัครมาเป็นผู้อ่านวารสารฯ ของมูลนิธิฯ แต่ผู้จัดทำวารสารฯ เห็นว่าถ้าท่านผู้อ่านพักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันก็จะขอส่งให้ครอบครัวละฉบับแล้วผลัดกันอ่าน หรือว่าอ่านด้วยกันดีกว่า เพราะจะได้เป็นการเพิ่มความอบอุ่นใกล้ชิดกันภายในครอบครัว และยังทำให้มูลนิธิฯ สามารถจัดส่งวารสารฯ ให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาท่านอื่นๆ ได้มากขึ้น
และที่สร้างความประทับใจผสมกับความตระหนกให้แก่เราก็คือ ผู้อ่านท่านหนึ่งได้นำเงินสดจำนวนหนึ่งใส่มาในซองจดหมายเพื่อบริจาคให้มูลนิธิฯ ทำให้ผู้จัดทำวารสารฯ รู้สึกตกใจมาก แต่นับว่าโชคดีที่ซองจดหมายฉบับนี้ได้ส่งมาถึงมูลนิธิฯ ด้วยดี และผู้จัดทำวารสารฯ ได้ส่งเงินจำนวนนี้ไปยังฝ่ายการเงินเพื่อออกใบเสร็จรับเงิน และท่านคงจะได้รับใบเสร็จในไม่ช้านี้
ท้ายสุดนี้ ผู้จัดทำวารสารฯ ต้องขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่คอยติดตามข่าวสารของมูลนิธิฯ ด้วยดีโดยตลอด ซึ่งผู้จัดทำวารสารฯ จะได้นำเสนอเรื่องราวการดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนา ในการสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์นายกกิตติมศักดิ์ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งส่วนหนึ่งของการทำให้โครงการพัฒนาของมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นไปด้วยดีและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนไทยอย่างแท้จริงนั้น ก็คือ จิตศรัทธาของท่านที่ได้ร่วมสมทบทุนมูลนิธิฯ ทั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ที่จะส่งผลให้ประชาชนและประเทศชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข และอยู่ดีกินดี สมดังพระราชประสงค์ ในการนำประเทศชาติพัฒนาไปสู่ความมั่นคงยั่งยืน อันเป็น ชัยชนะของการพัฒนา อย่างแท้จริง