- หน้าแรก
- เอกสารเผยแพร่
- บทความที่น่าสนใจ
- ชีวิตใหม่หลังฝันร้ายสึนามิ
ชีวิตใหม่หลังฝันร้ายสึนามิ
ฟ้าหลังฝนที่จะเปลี่ยนชีวิตชาวทุ่งนางดำตลอดกาล
๐ ปิยะฉัตร ภมรสูต ๐
ใครจะเชื่อว่าเสียงเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนละโหยโรงแรงของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนนับร้อยได้ นางรุณีย์ อารีย์สวัสดิ์ หรือที่ชาวบ้านทุ่งนางดำเรียกกันติดปากว่า ป้ารุณีย์ เล่า ให้เราฟังว่าหลังเกิดสึนามิเธอและเพื่อนบ้านลำบากมากเพราะสึนามิได้พัดพาเอา ทุกอย่างของเธอไป ทั้งบ้าน เรือ เครื่องมือหาเลี้ยงชีพ ไม่เว้นแม้แต่ลมหายใจของบุคคลอันเป็นที่รักหรือเพื่อนบ้านที่อยู่รวมกันมา นานกว่าสิบปี
ตอน ที่อยู่บ้านชั่วคราวตรงหินลาดลำบากมาก มีคนพยายามจะให้พวกป้าไปอยู่ที่สร้างใหม่ ติดทะเลเหมือนเดิม แต่ไกลออกไปอีก.....ป้าไม่อยากไป ไม่อยากอยู่ติดทะเลเพราะกลัว การเดินทางก็ลำบาก เป็นผู้หญิงจะไปยังไง แต่ถ้าไม่ไป ก็จะไม่มีที่อยู่ เพราะบ้านชั่วคราวที่อาศัยอยู่ตอนนี้พอหมดสัญญาก็ต้องคืนเขา ช่วงนั้นคิดมาก นอนร้องให้ทุกวัน หมดที่พึ่ง เลยตัดสินใจโทรไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิชัยพัฒนา.....แต่ก่อนโทรก็มีคน เตือนว่า โทรไประวังจะติดคุก ตอนนั้นป้าคิดอะไรไม่ออกคิดอย่างเดียวว่า ตายเป็นตาย ถึงติดคุกก็ยอม
การ ตัดสินใจของป้ารุณีย์ในวันนั้นนำความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิตของ เธอและเพื่อนบ้านกว่า 23 ครอบครัวในวันนี้ ป้ารุณีย์เล่าต่อว่า.....โทรมาที่มูลนิธิฯ เดินทางมาหาเธอทันที อาจบังเอิญที่เจ้าหน้าที่มาดูพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยละแวกนั้นพอ ดีและก็โชคดีที่เจ้าหน้าที่ที่เธอคุยด้วยไม่นิ่งดูดายรับเรื่องและรีบโทร แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ให้ ทำให้ความหวังที่ริบหรี่ของเธอกลับขึ้นมามีแสงสว่างอีกครั้ง อย่างน้อยที่สุดก็พิสูจน์ได้ว่าการตัดสินที่ของเธอในวันนั้นเป็นสิ่งที่ถูก ต้อง ไม่มีคุกไม่มีตะรางหากแต่มีเพียงอนาคตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นอีกไม่กี่เดือน ข้างหน้าเท่านั้น
นายลลิต ถนอม สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีส่วนผลักดันในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของป้ารุณีย์และชาว บ้านทุ่งนางดำเป็นอย่างมาก นายลลิตฯ เล่าว่า หลังจากไปเยี่ยมและสอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาแล้วก็เข้าใจถึงความเดือด ร้อน เข้าใจถึงความกลัวของชาวบ้านที่ไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีก เพราะภาพความบ้าคลั่งของคลื่นยักษ์สึนามิ ยังคงติดตาและยากที่จะลบความทรงจำอันเลวร้ายครั้งนั้นออกจากชีวิตชาวบ้านได้
พอกลับ มาก็รีบทำรายงานกราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และในทันที่หลังจากทรงได้รับรายงานก็ได้พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ พร้อมทั้งให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการจัดสร้างบ้านพักถาวรพร้อมระบบ สาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่จำเป็นให้แก่ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว รวมไปถึงสนับสนุนเครื่องมือการประกอบอาชีพที่จำเป็น ฯลฯ ตลอดจนให้ความรู้ด้านอาชีพเสริมแก่ราษฎรยามว่างเว้นจากการทำประมงเพื่อเป็น การเพิ่มรายได้ และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือการให้ชาวบ้านอยู่ดีกินดีสามารถพึ่งพาตนเองได้ในที่ สุด
จาก แนวพระราชดำริข้างต้นจึงได้เกิดโครงการชัยพัฒนา-กาชาดไทย-ศุภนิมิต ขึ้น ณ บ้านบางหว้า หมู่ที่ 9 ตำบลคุระบุรี อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา จนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ด้วยความร่วมมือของสามผสานที่สำคัญคือ มูลนิธิชัยพัฒนา สภากาชาดไทย และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย รวมดำเนินงานสนองพระราชดำริ โดยมีตัวแทนจากภาคเอกชนคือกลุ่มนายช่างภูเก็ต ทำการออแบบและก่อสร้างบ้านพักถาวรจำนวน 23 หลัง พร้อมสิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น อาคารเอนกประสงค์และลานกีฬาให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นสถานที่ในการฝึกอบรมและสัน ทนาการร่วมกันอีกด้วย
ด้าน การจัดการสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อันได้แก่บำบัดน้ำเสียและขยะได้รับความร่วมมือจากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา สิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี เป็นผู้ดำเนินการสำรวจออกแบบให้ชุมชนอื่นตระหนักถึงความสำคัญในการบำบัดขยะ และน้ำเสียตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไม่ เพียงแต่ที่อยู่อาศัยเท่านั้นที่ป้ารุณีย์และชาวบ้านทุ่งนางดำได้รับย้อน หลังไปเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2548 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมราษฎรทั้ง 23 ครอบครัว ซึ่งในขณะนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านพักชั่วคราวหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บ้านหินลาด จังหวัดพังงา พร้อมทั้งทอดพระเนตรการถักอวนลอยปูโดยฝีมือชาวบ้าน ซึ่งมูลนิธิชัยพัฒนาได้ให้ค่าตอบแทน และนำอวนที่ได้มอบให้แก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดระนอง
นอก จากนี้เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และเลขาธิการสภากาชาดไทย ยังได้เดินทางมามอบเรือไฟเบอร์กลาสให้แก่ชาวบ้านได้ทดลองใช้ ตามโครงการจัดสร้างและพัฒนาเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทอดพระเนตรการทดสอบสมรรถภาพเรือพร้อมทั้งทรงลองประทับเรือด้วยพระองค์เอง อีกด้วย
และ วันนี้วันที่ชาวบ้านเฝ้ารออีกวันก็มาถึง วันที่ 27 ตุลาคม 2548 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโครงการฯ ด้วยพระองค์เองพร้อมทั้งทอดพระเนตรบ้านพัก สภาพความเป็นอยู่และทรงเยี่ยมราษฎรของพระองค์ทรงให้ความเป็นกันเองในการไต่ ถามทุกข์สุขของชาวบ้าน การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นยังความปลาบปลื้มมาสู่ชาวบ้านเป็นยิ่งนัก
มาบัดนี้ฟ้าหลังฝนเริ่มผ่านพ้นไปการเริ่มต้นวันใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
อนาคต ที่เคยวาดฝันเอาไว้แต่กลับถูกสึนามิพังทลายจนเกือบมองไม่เห็น กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่เปี่ยมล้นของสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และที่ขาดไม่ได้คือแรงกายแรงใจของทุกฝ่ายที่ร่วมมือร่วมใจกันทำให้โครงการ ชัยพัฒนา-กาชาดไทย-ศุภนิมิต สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง
ป้า รุณีย์กับเพื่อนบ้าน 23 ครอบครัวพวกเขากำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ภายใต้ที่อยู่อาศัยที่มั่นคง สภาพแวดล้อมที่ดี มีเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพและเหนือสิ่งอื่นใดคือมี ความรู้ติดตัวไว้ใช้เสริมเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว เช่น การปลูกผักเพื่อใช้บริโภค การทำน้ำยาล้างจานและผลิตผ้ามัดย้อมเพื่อจำหน่ายรวมทั้งการผลิตปุ๋ยชีวภาพ จากเศษขยะในชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบให้ราษฎรในชุมชนอื่นเกิดความตื่นตัวในการพัฒนาถิ่นอาศัยของ ตนให้พออยู่พอกิน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ดังพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงก่อตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา ความว่า
...มูลนิธิ ชัยพัฒนา มีหน้าที่โดยตรงที่จะบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนให้มีกินให้สามารถที่จะดำเนิน ชีวิตที่สร้างสรรค์โดยช่วยให้การที่มีสิ่งที่เป็นอุปกรณ์หรือจะเป็นสิ่งที่ เป็นปัจจัยให้สามารถที่จะทำมาหากินโดยมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับ โครงการในด้านการเกษตรก็ได้ทำมากและในด้านเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมก็ได้ทำ เพื่อที่จะให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีที่สุด....เป้าหมายก็คือความเจริญ รุ่งเรืองของประเทศชาติ ซึ่งถือว่าเป็นชัยชนะของประเทศนี้โดยงานของมูลนิธิชัยพัฒนานั้นก็คือความสงบ ...เป็นเมืองไทยที่มีความเจริญก้าวหน้า จนเป็นชัยชนะของการพัฒนาตามที่ได้ตั้งชื่อ มูลนิธิชัยพัฒนา ชัยของการพัฒนานี้มีจุดประสงค์คือความสงบ ความเจริญ ความอยู่ดีกินดี...